top of page
ค้นหา

"แต่งตัวธรรมดาก็เท่ได้" มอง Gap มุมใหม่ผ่านหนังโฆษณาโดย 'เดวิด ฟินเชอร์'

  • myfavfilms
  • 26 ก.ย. 2557
  • ยาว 1 นาที

พูดถึงตลาดร้านเสื้อผ้าปลีกขนาดใหญ่ หรือที่เรานิยามกลุ่มนี้กันว่า fast fashion brand ซึ่งมีหลายแบรนด์ที่มีสาขาในประเทศไทย เช่น Zara, Topshop, H&M, Uniqlo, Forever 21 และ GAP

fast fashion brand หมายถึงแบรนด์ที่ผลิตเครื่องแต่งกายตามแฟชั่นครั้งละจำนวนมาก ตั้งราคาสินค้าไม่แพง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าในกระแสหลักที่ชื่นชอบการแต่งตัวมีสไตล์ในราคาย่อมเยา ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป

สไตล์ที่แตกต่างกันมันเกิดจากคำว่า'แบรนด์'เนี่ยแหละครับ แบรนด์ในนิยามของผมหมายถึง สิ่งที่คนอื่นมองและพูดถึงเรา โดยการที่เขาจะมองเราอย่างไรย่อมเกิดจากความเชื่อในภาพที่สื่อออกไป ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น

Zara ในสายตาผมคือภาพหญิงสาวเพิ่งเริ่มต้นทำงาน เปรี้ยว ๆ มีสไตล์เรียบหรู

zara2-tile.jpg

Topshop ในสายตาผมคือวัยรุ่นสาวเปรี้ยวจี๊ด ที่มีไลฟ์สไตล์เก๋ ๆ มีความเป็นแฟชั่นสูง

Topshop 2.jpg
Topshop 3.jpg
Topshop 4.jpg
topshop.jpg
Topshop 7.jpg
Topshop 6.jpg
Topshop 5.jpg

H&M ในสายตาผมคือวัยรุ่นสาวที่คูลด้วยความเรียบง่าย ไม่แฟชั่นจ๋าแต่มีสไตล์เป็นของตัวเอง

H&M.jpg
H&M 8.jpg
H&M 7.jpg
H&M 6.jpg
H&M 5.jpg
H&M 4.jpg
H&M 3.jpg
H&M 2.jpg

และ Forever 21 ที่ผมไม่มีภาพชัดเจนในใจ ใกล้เคียงสุดก็เหมือนสาว H&M แต่คูลสู้ไม่ได้

forever 21 3.jpg
forever 21 5.jpg
forever 21 4.jpg
forever 21 2.jpg
forever 21.jpg
forever 21 8.jpg
forever 21 7.jpg
forever 21 6.jpg

นอกจากนี้ยังมีอีกสองแบรนด์ที่ไม่เน้นแฟชั่น แต่จับตลาดลูกค้าที่เน้นแต่งตัวง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่สนใจแฟชั่นจนอาจจะโดนล้อจากคนชอบการแต่งตัวมีสไตล์ว่า เชยมาก เช่น

Uniqlo ในสายตาผมคือคนทุกเพศทุกวัยที่แต่งตัวเรียบ ๆ บ้าน ๆ สบาย ๆ

uniqlo7.jpg
uniqlo5.jpg
uniqlo4.jpg
uniqlo3.jpg
uniqlo2.jpg
uniqlo.jpg

และแบรนด์ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือ GAP ครับ

พูดถึง GAP ภาพในหัวผมคือคนแต่งตัวเรียบง่าย สบาย ๆ แต่ไม่รู้สึกว่าเชยเหมือน Uniqlo

Gap 5.jpg
gap 9.jpg
Gap 4.jpg
gap 8.jpg
gap 7.jpg
Gap 6.jpg
Gap 3.jpg
gap 10.jpg

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ภาพที่เป็นจุดอ่อนของแบรนด์ GAP มายาวนานก็คือคำว่า เชย เนี่ยแหละครับ ทำให้กลุ่มลูกค้าของ GAP จึงจำกัดอยู่ที่ลูกค้าที่ไม่ตามแฟชั่น เน้นความเรียบง่ายสบาย ๆ

ผมขอยกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความเชยของ GAP นั่นก็คือการที่แบรนด์ถูกนำไปล้อในภาพยนตร์เรื่อง Crazt Stupid Love.

tumblr_m7p18hi5rF1qdpayzo1_500.jpg

ฉากดังกล่าวเป็นฉากที่ ไรอัน กอสลิ่ง ในมาดหนุ่มมาดเนี้ยบต้องพา สตีฟ คาเรลล์ ในมาดเชย ๆ ไปซื้อกางเกงยีนส์ ไฮไลท์เด็ดของฉากนี้คือการตอกย้ำความเชยของ GAP ผ่านโลกภาพยนตร์เมื่อหนุ่มมาดเชยเสนอสุดหล่อมาดเนี้ยบให้ไปซื้อกางเกงยีนส์ที่ร้าน GAP การแสดงออกของไรอัน กอสลิ่งชัดเจนว่าเขาเบื่อหน่ายความเชยอันนี้มาก ๆ จนเป็นที่มาของประโยคว่า Be better than the GAP

ในเมื่อ GAP ขายสินค้าที่บ่งบอกถึงความเรียบง่ายสำหรับคนแต่งตัวชิลด์ ๆ ไม่ตามแฟชั่น แต่ภาพลักษณ์ของแบรนด์กลับถูกมองว่าเชย โจทย์การตลาดที่ GAP ต้องตีให้แตกคือจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ในสายตาคนรุ่นใหม่อย่างไรให้หลุดพ้นจากความเชยอันนี้ให้ได้

สิ่งที่ GAP เลือกทำไม่ใช่การเปลี่ยนแนวทางการผลิตเสื้อผ้าให้ตามแฟชั่น แต่ GAP เลือกรักษาความเรียบง่ายที่เป็นจุดแข็งของตัวเอง แล้วสร้างความเรียบง่ายอันนี้ให้มันเท่ขึ้น ด้วยแคมเปญ Dress Normal

เซธ ฟาร์บแมน ประธานฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศของ GAP พูดถึงแคมเปญ Dress Normal ว่า "การค้นหาการแต่งตัวธรรมดาของแต่ละคนคือศิลปะ คำว่าธรรมดาของแต่ละคนไม่เหมือนกันนั่นคือหัวใจสำคัญของแคมเปญนี้"

"โดยคุณจะมาค้นหาเสื้อยืด กางเกงยีนส์ที่เหมาะกับตัวเอง ชุดที่ทำให้มั่นใจว่าคือตัวตนที่แท้จริงของคุณ"

ภาพโฆษณาแคมเปญ Dress Normal ชุดแรกที่ปล่อยออกมาเริ่มช่วยให้ GAP ค่อย ๆ ขุดตัวเองออกจากหลุมคำว่าเชย โดยที่ยังคงหัวใจหลักของแบรนด์คือความเรียบง่าย

แต่เท่านี้มันคงยังไม่พอ เซธ ฟาร์บแมนได้ดึงตัว เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับหนังชื่อดังให้มากำกับหนังโฆษณาของ GAP โดยเขาได้สรุปงานว่าต้องการให้ภาพความกังวลในตัวแบรนด์กลายเป็นด้านบวก (positive anxiety) และยังต้องการให้เกิดความท้าทายเมื่อผู้คนได้เห็นโฆษณาชิ้นนี้ด้วยการเล่าเพียงบางส่วนของเรื่องราวแล้วจากไปพร้อมสร้างความรู้สึกประหลาดใจ

เดวิด ฟินเชอร์ ถือเป็นผู้กำกับยุคใหม่ที่ได้รับการยกย่องในผลงานกำกับหนัง ฝีมือการกำกับของเขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว 2 ครั้งจาก The Curious Case of Benjamin Button และ The Social Network

และเรามาชมผลงานของเดวิด ฟินเชอร์ในฐานะผู้กำกับหนังโฆษณากันบ้างดีกว่าครับ

ขอให้ผลงานของเขาถูกบอกเล่าโดยไม่ต้องใช้คำอธิบายนะครับ

Kiss 'dress like no one's watching'

Drive 'the uniform of rebellion and conformity'

Stairs 'simple clothes for you complicate'

Golf 'let your actions speak louder than your clothes'

จะเห็นว่าทั้ง 4 หนังโฆษณา เลือกบอกเล่าด้วยภาพขาวดำซึ่งแสดงถึงความล้าสมัย แต่ภาพที่ออกมากลับให้ลักษณะของความเท่ คูล แฝงด้วยความเซ็กซี่ (ภาพสาวอาศัยจังหวะเช็คบั้นท้ายสุดเซ็กซี่ในกระจก, หญิงสาวปลดกางเกงเบาะหลังรถ, บั้นท้ายสุดเย้ายวนของหญิงสาวชั้นบน และการเต้นดึงดูดสายตาแม้อยู่ในชุดธรรมดา) และดนตรีประกอบมันก็ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

เชื่อได้เลยว่าผู้คนที่ได้ชมหนังโฆษณาแคมเปญ Dress Normal ของ GAP ชุดนี้แล้วคงต้องสลัดภาพความเชยล้าสมัยของแบรนด์ แล้วจดจำลุคใหม่ที่เท่ด้วยความเรียบง่ายของ GAP กันอย่างแน่นอนครับ

Gap Dress Normal 9.jpg
Gap Dress Normal 8.jpg
Gap Dress Normal 7.jpg
Gap Dress Normal 6.jpg
Gap Dress Normal 5.jpg
Gap Dress Normal 3.jpg
Gap Dress Normal 2.jpg
Gap Dress Normal 1.jpg
Gap Dress Normal 4.jpg

 
 
 

Comentários


Recent Posts
Search By Tags
follow us:
  • Facebook Classic
  • Twitter Classic
  • images.jpg
  • c-youtube
bottom of page