L.A. Confidential (1997)
- myfavfilms
- 11 ต.ค. 2557
- ยาว 1 นาที
L.A. Confidential (1997)

“หนังเรื่องนี้พลาดออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้ Titanic ได้อย่างไร”
“นี่มัน Chinatown แห่งยุค 90s เลยนิหว่า”
“หนัง good cop, bad cop ที่ดีที่สุด”
“ฟิล์มนัวร์ยุคใหม่ที่เจ๋งเป้งที่สุด”
คือถ้าคุณเคยผ่านหูผ่านตาประโยคเหล่านี้แล้วยังไม่ดูหนังเรื่องนี้สักทีแล้วล่ะก็ คุณจะต้องมานั่งบ่นเสียดายทีหลังแน่นอนว่าทำไมถึงเพิ่งจะมาดูเอาตอนนี้!
หนังพาเราย้อนไปยังเมืองลอสแองเจลิสยุค 50s ในยุคที่การคอร์รัปชั่นในแวดวงตำรวจกำลังเติบโต แถมเบื้องหลังฮอลลีวูดยังเต็มไปด้วยเรื่องโสมม หลังการจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดในเมืองทำให้เกิดพื้นที่ว่างสำหรับพ่อค้ายาเสพติดรายอื่นที่หวังจะขึ้นมาแทนที่ แต่ ‘ดั๊ดลี่ย์ สมิธ’ (James Cromwell) ซึ่งดูแลกรมตำรวจได้ใช้วิธีนอกกฎหมายในการปราบปรามพ่อค้ายาเสพติดรายอื่นที่หวังจะเข้ามาขายยาเสพติดในเมืองนี้
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเกิดคดีฆาตกรรม 6 ศพในร้านอาหาร ตำรวจปิดคดีว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ แต่ ‘บัด ไวท์’ (Russell Crowe) เชื่อว่าเป็นการตั้งใจฆาตกรรมเพื่อนร่วมงานของเขา ส่วน ‘เอ็ดมันด์’ (Guy Pearce) ก็ตั้งคำถามสงสัยในคดีหลังจากฟังเหยื่อสาวรายหนึ่งเปิดเผยความจริง เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจาก ‘แจ็ค วินเซนส์’ (Kevin Spacey) ให้ช่วยสืบคดีที่กำลังจะพาทั้งสามคนไปพบเรื่องฉาวโฉ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลอสแองเจลิส
1. แค่การสร้างสามตัวละครก็ได้ใจไปเรียบร้อยแล้ว
หนังแนะนำให้เรารู้จักตัวละครหลักทั้งสามคน ซึ่งเป็นตัวละครที่ให้ลักษณะของ ‘สีเทา’ เหมือนคนทั่วไปที่มีทั้งดีและไม่ดีอยู่ในตัว
• บัด ไวท์ เป็นตำรวจที่เติบโตมาพร้อมกับภาพแม่ถูกทารุณกรรม ทำให้เขาจงเกลียดจงชังทุกคนที่ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง เขาเป็นตำรวจที่มีความคิดอยู่ในหัวว่าสามารถใช้ความรุนแรงเป็นตัวช่วยให้จบคดีได้ เขายินดีซ้อมผู้ต้องหาที่เขาเชื่อว่าผิดจริง เขายินดีฆ่าผู้ต้องหาที่กระทำทารุณกรรมผู้หญิง ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรงจบปัญหา แถมยังเป็นหนึ่งในตำรวจที่กินเล็กกินน้อย แต่เขาก็เป็นคนที่มีความอ่อนโยน รักพวกพ้อง เห็นอกเห็นใจผู้หญิง และเขาก็จับคนร้ายที่เห็น ๆ ว่าผิดจริง
• เอ็ดมันด์ เป็นตำรวจที่อยู่กับชื่อเสียงของพ่อผู้จากไปพร้อมเสียงยกย่อง เขาฉลาด เก่งการเมือง สามารถมองจุดอ่อนของคนอื่นเพื่อใช้หาประโยชน์ใส่ตัวเอง แต่เขาขาดคุณลักษณะที่จะเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนตามแบบของกรมตำรวจ คือเขาไม่ยัดหลักฐานคนที่ทำผิดจริงเพื่อส่งฟ้องศาล, เขาไม่ซ้อมผู้ต้องหาที่ทำผิดจริงให้สารภาพ และเขาไม่ยอมที่จะยิงคนผิดจากข้างหลังเพื่อตัดโอกาสไม่ให้ทนายได้หาข้อแก้ตัวในชั้นศาล ความซื่อตรงต่อหน้าที่ทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับ ‘บัด ไวท์’ แต่เราก็เห็นว่าเขาทะเยอทะยานจะสร้างชื่อเสียงด้วยการเหยียบหัวคนอื่นเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง
• แจ็ค เป็นตำรวจแผนกยาเสพติด เขาหากินด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรตำรวจผ่านการเป็นที่ปรึกษาละครโทรทัศน์ และยังสร้างภาพพจน์ตัวเองผ่านหนังสือพิมพ์ด้วยการสบคบคิดกับ ‘ซิด ฮัดเจนส์’ (Danny DeVito) เจ้าของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ในการลงภาพเขาจับกุมคนดังฮอลลีวูดขึ้นหน้าหนึ่ง จะเห็นว่าการเขาก็ทำหน้าที่ของตำรวจในการจับคนผิด แต่ก็รับเงินสินบนในการเป็นพันธมิตรสร้างข่าวให้หนังสือพิมพ์ขายได้และยังใช้ประโยชน์เพื่อสร้างลักษณ์ตัวเองด้วย
ถ้าถามผม ผมก็จะบอกว่าทุกคนมีด้านดีหมด แต่ทุกคนไม่ใช่สีขาว ไม่ใช่คนดีบริสุทธิ์ พวกเขายังมีด้านมืดของตัวเองซึ่งเป็นแก่นแท้ของตัวละครที่เราพบเห็นจนชินตาในหนังฟิล์มนัวร์ มันเป็นเสน่ห์ของตัวละครสีเทาที่ทำให้เราสัมผัสได้ว่าเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งไม่ต่างจากเรา
2. การเปลี่ยนแปลงของทั้งสามตัวละคร
• เอ็ดมันด์ดูจะเป็นตัวละครที่เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนที่สุด จากตำรวจที่ยึดมั่นในกติกา ค่อย ๆ ยอมใช้วิธีสกปรกเป็นทางลัดเพื่อให้เข้าถึงตัวผู้ต้องหาอันจะนำไปสู่ความก้าวหน้าในอาชีพ จนถึงขั้นที่เขายินยอมเล่นนอกกติกาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
• แจ็คเป็นตำรวจที่ถนัดการสร้างภาพลักษณ์ หลังจากเขาได้กลับมาคืนสู่วงการโทรทัศน์ เขาก็มองว่าเบื้องหลังมันคือโลกมายา ทุกคนยอมทำงานสกปรกเพื่อไต่เต้าในวงการละคร เขาตอบตัวเองไม่ถูกว่าอะไรคือแรงจูงใจให้เขาเป็นตำรวจ สุดท้ายเพราะความเห็นใจเหยื่อฆาตกรรมรายหนึ่งที่เขามีส่วนร่วม ทำให้เขาลงมือหาตัวฆาตกรเพื่อพิสูจน์ภาระหน้าที่ของตัวเอง
• บัด ไวท์ดูจะเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด เราเห็นเขาใช้ความรุนแรงตั้งแต่ต้นจนจบ แต่หากมองดี ๆ การเปลี่ยนแปลงของไวท์ก็เกิดจากความทะเยอทะยานเช่นเดียวกัน เขาไม่อยากเป็นแค่อาวุธกำราบผู้ต้องหา เขาอยากเป็นนักสืบคดีเหมือนคนอื่น ๆ การลงมือสืบคดีจากความสงสัยนั่นก็เป็นเพราะลักษณะเถรตรงของเขาที่ไม่ปล่อยผ่านในสิ่งที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง
3. สืบสวนสไตล์ฟิล์มนัวร์
หนังมันเริ่มมาจากคดีที่ดูจะไม่มีอะไรในกอไผ่แท้ ๆ แค่ตำรวจบังเอิญไปอยู่ในที่เกิดเหตุคดีปล้นชิงทรัพย์ แต่ดันมีบางสิ่งผิดปกติที่บางคนมองข้ามไป ทำให้สามตัวเอกของหนังต้องเริ่มต้นสืบสวนจริงจัง
ที่น่าสนใจคือตัวละครทุกตัวในหนังมันสีเทา ๆ เนี่ยแหละ ทุกคนต่างฉกฉวยประโยชน์จากกัน และหากเทียบเคียงจากแต่ละสายตาที่มองมา ตัวละครที่เหมือนจะเป็นแมงดาก็กลับเป็นสีขาวในสายตาโสเภณีที่มองว่าเขาคือผู้หยิบยื่นโอกาสและไม่ได้ใช้กำลังรุนแรงอะไร, แม้กระทั่งเหยื่อข่มขืนที่รอดชีวิตยังไม่ใช่สีขาวบริสุทธิ์ เธอยังโกหกเพราะรู้ดีว่าหากเป็นคดีคนผิวดำข่มขืนสาวเม็กซิกันก็คงไม่มีใครสนใจ แต่เพราะคดีนี้มีคนผิวขาวถูกฆ่าตายด้วย เธอก็เลือกจะโกหกหาประโยชน์ให้ได้สิ่งที่เธอต้องการเช่นกัน, โสเภณีที่เป็นคนรักของบัด ไวท์ เธอเองก็มีส่วนสีเทาที่ยอมทำบางอย่างที่รู้ว่าไม่ดีเพื่อช่วยแบล็กเมล์ให้เจ้านาย
แล้วการสืบในหนังนี่มันยังเต็มไปด้วยแผนซ้อนแผน เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมในการเค้นให้ผู้ต้องหาสารภาพความผิด ทุกฉากที่ปรากฎในการสืบคดีล้วนไม่ได้จบอยู่แค่ตรงนั้น แต่ถูกนำไปขยายต่ออีกชั้นในภายหลัง
4. คู่ควรจะเทียบเคียงกับ Chinatown
นอกเหนือไปจากว่ามันเป็นหนังสืบสวนสไตล์ฟิล์มนัวร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ใครเคยดูหนังทั้งสองเรื่องคงจะพบเจอความเหมือนด้วยแก่นแท้ของ Chinatown และ L.A. Confidential นั่นคือมันพูดถึงความโสมมของเมืองลอสแองเจลิส และความโสมมดังกล่าวถูกขุดคุ้ยจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุด
5. โรลโล โทมาซี
ตอนที่เควิน สเปซี่ย์ เอ่ยปากว่า “โรลโล โทมาซี” นี่ทำเอาผมนึกไปถึง “ไคเซอร์ โซเซ่’ ใน The Usual Suspects หนึ่งในสองหนังที่ทำให้แกได้ออสการ์การแสดงยอดเยี่ยมนั่นแหละ
โรลโล โทมาซีถูกสร้างมาใช้เรียกชื่อบุคคลลึกลับที่เชื่อว่าตัวเองทำผิดแล้วจะหนีรอดไปได้ มันคือแรงจูงใจที่ทำให้เอ็ดมันด์มาเป็นตำรวจ และมันก็เป็นตัวช่วยให้แจ็คตัดสินใจทวงหาความยุติธรรมจากคดีฆาตกรรมในหนัง
ที่ผมชอบ “โรลโล โทมาซี” มาก ๆ ก็เพราะแค่ชื่อสร้างตัวตนเล็ก ๆ แค่นี้มันกลายเป็นจุดสำคัญของหนังทั้งการเปลี่ยนแปลงตัวละครและการจับผิดคนร้าย!
6. การแสดงชั้นยอด
ผมปลื้ม ‘รัซเซล โครว์’ จากบทแนว anti-hero ก็จาก L.A. Confidential เนี่ยแหละ ไหนจะ ‘คิม บาซิงเจอร์’ ที่โดดเด่นจากบทโสเภณีหน้าเหมือนนักแสดงดังจนคว้าออสการ์การแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นี่ยังไม่พูดถึง ‘กาย เพียซ’ และ ‘เควิน สเปซี่ย์’ ที่ต่างก็มอบการแสดงที่น่าจดจำ
ถึงตรงนี้คงบอกได้สั้น ๆ ว่า L.A. Confidential คือหนัง Top 10 ตลอดกาลในใจผมครับ
Director: Curtis Hanson
novel: James Ellroy
sceenplay: Brian Helgeland, Curtis Hanson
Genre: Crime, Drama, Film-noir, Triller, Mystery, Suspense
10/10
Comments