ชอบดูหนังบน Smart TV ต้องมี NAS ประดับบารมีแล้วล่ะ
- หนังโปรดของข้าพเจ้า
- 13 ก.ค. 2558
- ยาว 2 นาที

เชื่อว่า lifestyle การดูหนังของหลายคนสมัยนี้คือการดูบนโทรทัศน์จอใหญ่ ๆ และเชื่ออีกว่าที่บ้านหลาย ๆ คนก็คงใช้ Smart TV กัน
พอดีผมได้เจ้า NAS ของ Synology มาทดลองเล่น 2 สัปดาห์กว่า วันนี้ผมจึงจะมารีวิวแนะนำอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า NAS ที่จะมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้คุณได้ใช้ Smart TV คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นครับ
NAS (Network Attached Storage) คืออะไร อธิบายง่าย ๆ ว่ามันคืออุปกรณ์ที่จะเปลี่ยน harddisk ของคุณให้กลายเป็น Dropbox ส่วนตัว ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าเวลาคุณฝากไฟล์ไว้ที่ Dropbox, Google Drive, iCloud ทั้งหลาย มันก็คือการฝากไฟล์ไว้บน server ของผู้ให้บริการเหล่านั้น แต่ NAS เนี่ยมันคือการเก็บไฟล์ไว้ใน server ส่วนตัวของเรา อัพโหลดปุ๊บมันก็อยู่ใน harddisk เราทันที และมันยังมีลูกเล่นอีกหลายอย่างที่คุณบริการเหล่านั้นให้คุณไม่ได้
หน้าตากล่อง NAS ครับ น้ำหนักเบา ตั้งไว้ที่ไหนก็ได้ เสียงพัดลมเงียบกริบ

ด้านหลังครับ มีช่อง USB 2 รู (สำหรับต่อ External hdd หรือ UPS สำรองไฟ), และมีช่องเสียบสายแลนครับ

1) เปิดไฟล์ใน NAS ดูหนังบน Smart TV โดยตรง
อันนี้เป็นข้อที่ผมประทับใจ NAS มากที่สุดเลย เพราะมันคือการดูหนังบนโทรทัศน์โดยไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ แค่มีไฟล์หนังอยู่ใน NAS แล้วไปเปิดบน Smart TV เท่านี้ก็ดูหนังได้แล้ว อยู่ในวงแลนเน็ตเดียวกันลื่นสุด ๆ ไม่มีสะดุด
วิธีดูหนังบน Smart TV ก็ง่าย ๆ ครับใช้ได้ทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Samsung, LG, Panasonic หรือ Sony ขอแค่เป็น Smart TV ก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยครับ ง่ายมาก
กดปุ่ม input บนรีโมท (ที่มีเลือกดูผ่าน HDMI, เสาอากาศ) แล้วก็เลือก NAS ครับ

เลือกหนังที่ต้องการจะเล่น ถ้าอยากให้โชว์ปกก็หารูปมาใส่แล้วตั้งชื่อว่า cover

เล่นหนังคมชัดตามคุณภาพไฟล์ เลือกเสียง เลือกซับ ขยายฟ้อนต์ได้หมด ลื่นไหลไม่มีกระตุก

แล้วที่พิเศษไปกว่านั้นคือสมมุติคุณเป็นคนที่มีหลายบ้าน เช่นวันธรรมดาอยู่คอนโด วันหยุดกลับไปหาครอบครัวที่บ้าน คุณจะเอา NAS ไว้ที่ไหนก็ได้ไม่ต้องพกไปไหนมาไหน เพราะคุณสามารถเข้า Diskstation ได้จากทุกที่ทั่วโลก ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น (จะเป็นเน็ต 3G ก็ยังเข้าได้)
แล้วไม่ใช่แค่ดูหนังบน Smart TV ได้อย่างเดียว ถ้าคุณอยากจะดูหนังบนคอมพิวเตอร์ก็สามารถโหลดมาเก็บไว้ดูในเครื่อง หรือจะเปิดสตรีมมิ่งผ่าน Diskstation ได้เช่นกันครับ (ตอนนี้การสตรีมมิ่งบนคอมยังไม่มีแอปรองรับเสียง DTS ครับ)
ถ้าจะดูบนมือถือก็มีแอป Oplayer lite ที่สามารถเล่นไฟล์เสียง DTS ได้ (ตัวฟรีมีโฆษณา)

หรือถ้าโหลดไฟล์ที่มันมีเสียงอังกฤษที่ไม่ใช่ DTS ก็สามารถเปิดผ่านแอป DS video ได้เลย

นอกจากนี้แล้วยังสั่งโหลดบิทผ่านมือถือได้โดยตรง เพียงแค่เข้าแอป DS Download แล้วไปที่หน้า browser ในแอป > เข้าเว็บบิทที่ต้องการ > โหลด magnet torrent เท่านี้ก็โหลดได้ทันที

หมายเหตุ
- ตอนนี้มีแอป Oplayer ที่สามารถเล่นเสียง DTS audio ได้โดยไม่เสียเงิน(แต่มีโฆษณาเกะกะหน้าจอ) และมีแอป Infuse ตัวโปร 9.99usd ซึ่งใครที่ดูหนังเสียงอังกฤษ-บรรยายไทย ก็แนะนำให้โหลดไฟล์ที่มีเสียง ac ด้วย ส่วนใครที่ดูพากย์ไทยเป็นหลักอยู่แล้วก็สบายใจได้เลยเพราะหนังเล่นเสียงภาษาไทยได้ตามปกติ
2) สำรองไฟล์บน Diskstation เรียกใช้งานได้ทั้งบนคอมและมือถือ
จะเรียกง่าย ๆ ก็คือใช้งานได้เหมือน Dropbox น่ะแหละ แต่มันเป็น Dropbox ที่เก็บไฟล์ไว้ใน harddisk ส่วนตัวของเรา สมมุติจะใช้งานบนมือถือก็แค่เข้าไปที่แอป DS File จะใช้บนคอมก็แค่เข้า Diskstation ส่วนตัวของเรา
ทีนี้สมมุติเราใช้ NAS เป็นหลัก โหลดบิทเก็บหนังไว้ใน NAS เวลาจะดูเราอาจจะสตรีมมิ่งดูทันทีหรือเอา usb ลากไฟล์มาเปิดบนคอมก็ได้ มันจะมีข้อดีมาก ๆ คือเวลาเราจะแบ่งหนังให้เพื่อนดูเนี่ย ก็แค่แชร์ลิ้งให้เพื่อนโหลดได้เลย ไม่ต้องเสียเวลานัดเจอเอา external harddisk ไปก๊อปไฟล์ ตรงนี้มันก็สะดวกมากขึ้นเยอะเลย
ข้อดีของ Synology NAS
- ประหยัดไฟโคตร หลายคนอาจจะใช้คอมที่บ้านโหลดบิทแล้วปิดหน้าจอทิ้งไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วยังกินไฟมากกว่าใช้ NAS เสียอีก (เปิด NAS โหลดบิท 24 ชั่วโมงทุกวันยังเสียค่าไฟแค่ประมาณ 20 บาท)
- เป็นกล่อง server ที่เสียงเบามาก ใครที่เคยทำงานอยู่กับ server คงต้องรำคาญเสียงพัดลมทั้งหลายไม่มากก็น้อยแหละ แต่ NAS นี่เงียบกริบเหมือนมันไม่ได้ทำงานอยู่เลย
- อัพเดทบ่อยมาก คอนเฟิร์มของ Synology เลยครับว่าอัพเดทบ่อยมาก ผมได้มาเล่น 2 อาทิตย์ แอปอัพเดทตลอดเลยครับ ข้อนี้มันทำให้ผมค่อนข้างอุ่นใจและกล้าเชียร์ให้ซื้อ NAS ของเจ้านี้เพราะดูเป็นแบรนด์ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา
- เหมือนมีคอมพิวเตอร์อีกเครื่องด้วย Diskstation ตอนเห็นหน้าตาตัวควบคุม NAS ครั้งแรกนี่ผมทึ่งเลยนะ คือผมลองเข้าเว็บ quickconnect.to/urlของเรา ก็จะเจอหน้าตาเว็บที่เหมือนเป็นหน้า desktop คอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งของเราเลย มีแยกโฟลเดอร์ มีโปรแกรมโหลดบิท มีแจ้งเตือนเหมือนมือถือ มี widget มีแอปสำหรับใช้ทำอะไรต่าง ๆ ไม่ต่างจากเป็นคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งเลย
หน้าตา Diskstation เข้าผ่านเว็บไซต์จะเหมือนมี desktop อีกตัว

มี control panel, file station, video station

- โหลดบิทได้จากทุกอุปกรณ์ ปกติใครที่ใช้โหลดบิทที่บ้านทิ้งไว้ เวลาจะโหลดบิทนอกสถานที่คงต้องใช้ Teamviewer เปิดจากคอม/มือถือแล้วควบคุมคอมที่บ้านให้เข้าเว็บโหลดบิทอะไรทำนองนั้น ซึ่งมันยุ่งยากกว่าการเข้าแอปแล้วโหลดโดยตรงจาก Download Station
หน้าตา Download Station

- แชร์ไฟล์ให้เพื่อนได้สะดวกรวดเร็ว อันนี้เพิ่งลองใช้ตอนทำลิสต์หนังมันจะต้องมีการส่งรูป ส่งไฟล์ให้น้องคนนึงเอาไปตั้งกระทู้ ปกติเราก็คงอัพโหลดขึ้น Dropbox หรือเว็บฝากไฟล์ทั้งหลาย แต่ว่าอันนี้เรามาลองโยนไปเก็บใน NAS แล้วแชร์ลิ้งให้น้องโหลด ซึ่งมันก็ง่ายและรู้สึกว่าไวกว่าการอัพโหลดขึ้น Dropbox เยอะเลย รวมถึงการแชร์ไฟล์หนังก็ทำได้สะดวกขึ้นเยอะเลย
ตอนทำลิสต์หนังเกาหลีก็ส่ง artwork ให้น้องผ่าน NAS เนี่ยแหละครับ อัพโหลดไวกว่า Dropbox เยอะมาก

- ไม่ต้องกังวลว่าจะไฟล์จะหายถ้า hdd พัง มันมีรุ่น 2bay หรือพูดง่าย ๆ คือใส่ harddisk ได้ 2 อันน่ะแหละ คือคุณจะใช้ harddisk 2 ตัวแยกกันเป็นคนละ drive ก็ได้ หรือถ้าคุณมีข้อมูลสำคัญกลัวว่าจะสูญหายก็ใช้วิธีสำรองไฟล์ไว้ทั้ง 2 harddisk สมมุติตัวใดตัวหนึ่งพัง คุณก็ยังมีไฟล์สำรองอยู่ที่อีกตัว (ยกเว้น very very worst case คือมันดันพังพร้อมกัน 2 ตัว อันนี้โคตรซวยแล้วครับ ฮ่าๆ)
ข้อควรรู้ก่อนซื้อ NAS
- ไฟล์หนังส่วนมากจะเป็นเสียง DTS audio ถ้าเล่นบน Smart TV หรือบนไอโฟนก็ไม่มีปัญหา แต่การสตรีมมิ่งบนคอมเวลานี้ยังไม่มีแอปที่เล่น DTS audio ในตัวเองได้ ทำให้ต้องโหลดมาเก็บในเครื่องก่อนค่อยเปิดไฟล์ ซึ่งเชื่อว่าอนาคตยังไงก็คงมีแอปไหนสักแอปที่เล่นสตรีมมิ่งบนคอมพิวเตอร์ได้
- ควรใช้ harddisk ที่ทำมาเพื่อ NAS โดยเฉพาะ อันนี้เป็นความรู้ใหม่ของผมเลยว่า harddisk ทั่วไปที่เราใช้ ๆ กันเนี่ยมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้รองรับการทำงานหนัก ๆ เช่นเปิดทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้าใครจะใช้ NAS เป็นอุปกรณ์สามัญประจำบ้านก็ควรจะซื้อ harddisk ใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้ทนต่อการใช้งานหนัก ๆ เปิดแบบ 24/7 ได้สบาย เช่น WD Red
ถ้าใครอ่านแล้วสนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรืออยากซื้อในราคาย่อมเยา บริการหลังการขายดี ๆ ติดต่อได้ที่ร้าน BeeNAS ครับ (รุ่นที่ผมได้มาลองเล่นราคา 4,800 บาทครับ เป็นรุ่น DS115J ส่วนราคา WD Red 1TB ตอนนี้ก็ประมาณ 2,500 บาทครับ

Line: beenas.net
Facebook Page: BeeNAS
เบอร์โทรติดต่อ: 093 818 8918
ขอขอบคุณบริษัท ดิจิตอลคอม จำกัด (ผู้นำเข้าและรับประกันสินค้า) ที่ให้ยืม NAS มาใช้รีวิวครับ

Comentarios