top of page
ค้นหา

รีวิว Bridge of Spies (2015) | สายลับ feel-good mood สงครามเย็น

  • myfavfilms
  • 26 ต.ค. 2558
  • ยาว 1 นาที

เห็นหน้าหนังเป็นสายลับเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนเชลยในช่วงสงครามเย็น แต่เนื้อหาของหนังโดยหลักแล้วมุ่งเน้นไปที่คุณค่าความเป็นมนุษย์มากกว่าจะมาโชว์ speech เจรจาต่อรองหรือการชิงไหวชิงพริบของสองประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมันเป็นอารมณ์การยกย่องเชิดชูให้คนดูซาบซึ้งวีรกรรมของตัวเอกเหมือนงานขึ้นหิ้งของสปีลเบิร์กเรื่อง Schindler's List

หนังพาคนดูย้อนไปถึงปลายยุค 50's ช่วงสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับโซเวียต เริ่มต้นด้วยฝั่งอเมริกาจับกุม 'รูดอล์ฟ อเบล' (Mark Rylance) สายลับโซเวียต โดยมี 'เจมส์ บี โดโนแวน' (Tom Hanks) เป็นทนายต่อสู้คดีให้ท่ามกลางความเกลียดชังของคนในสังคมเพราะเขากำลังว่าความให้คนขายชาติ ด้วยวาทศิลป์ในการโน้มน้าวผู้พิพากษาด้วยเหตุผลเรื่องหลักประกันทำให้จำเลยไม่ถูกลงโทษประหารชีวิต ซึ่งปรากฎในเวลาต่อมาว่า 'ฟรานซิส พาวเวอร์' นักบินสอดแนมของอเมริกาถูกจับกุมเป็นเชลย ทำให้ฝ่ายอเมริกามีสายลับโซเวียตสำหรับเป็นเครื่องมือต่อรองแลกเปลี่ยนตัวประกัน โดยมีโดโนแวนเป็นผู้เดินเกมการเจรจากับฝ่ายโซเวียต แต่ในการเจรจาที่เยอรมันตะวันออกได้ปรากฎข้อมูลเพิ่มเติมว่านักศึกษาชาวอเมริกันถูกฝ่ายเยอรมันตะวันออกจับกุมยัดเยียดข้อหาจารกรรมข้อมูลเช่นเดียวกัน โดโนแวนจึงต้องเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวประกันทั้งสองคน

อาจจะบอกได้ว่าเมื่อเทียบกับงานชิ้นก่อน ๆ ของสปีลเบิร์กแล้ว Bridge of Spies แทบไม่มีความฟูมฟายทั้งที่ตัวเนื้อเรื่องเอื้ออำนวยให้บิ๊วคนดูจัด ๆ ได้ (ตัวเอกถูกตราหน้าว่าทรยศชาติ ก่อนจะกลายมาเป็น american hero ด้วยผลงานเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกัน) พอหนังมันมาอารมณ์แบบไปเรื่อย ๆ ให้คนดูค่อย ๆ ซาบซึ้งจึงรู้สึกว่ามันชวนให้เราเห็นถึงคุณค่าการปฏิบัติต่อมนุษย์ซึ่งต่างถูกผูกด้วยพันธะหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโซเวียตหรืออเมริกาต่างก็ทำงานของตัวเองเพื่อชาติ ถ้าหากคนของเราถูกจับกุมได้ เราก็คงไม่อยากเชลยถูกเลือกปฏิบัติจริงไหม?

จุดหนึ่งเล็ก ๆ ที่ผมชอบมากในหนังก็คือการพูดถึง 'หน้าที่' คุณเชื้อสายเยอรมัน ผมเชื้อสายไอริช แล้วอะไรบ่งบอกว่าเราเป็นอเมริกันถ้าไม่ใช่การทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่ก้าวก่าย/ล้ำเส้น/แทรกแซง สังคมจะเป็นอย่างไรถ้าหากตำรวจ, ผู้พิพากษา, ทนาย และอื่น ๆ อีกมากมายต่างเลือกปฏิบัติ

สำหรับใครที่ชอบเสพ speech โน้มน้าวจูงใจคนคงไม่ผิดหวัง มีอยู่สองฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอนเกลี้ยกล่อมผู้พิพากษาให้ลดโทษประหารชีวิตเหลือเพียงจำคุกโดยกล่าวอ้างเรื่องหลักประกันสำหรับการแลกเปลี่ยนตัวประกันที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต, และอีกครั้งในการทิ้งไพ่ตายแลกเปลี่ยนตัวประกันโดยการพูดโยนความกดดันทั้งหมดกลับไปให้ทางฝั่งเยอรมันตะวันออก

กล่าวโดยสรุปแล้ว Bridge of Spies เป็นหนังสายลับเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันที่ทำมายกย่องคุณงามความดีของ 'เจมส์ บี โนโนแวน' รวมถึงเชิดชูคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่มีความเท่าเทียมกัน ทั้งนี้สปีลเบิร์กก็ยังไม่วายที่จะแอบเนียนอวดอ้างความดีของฝ่ายอเมริกาในการปฏิบัติต่อนักโทษ

ป.ล. หนังแนะนำสำหรับคนชอบ speech ขอเชียร์ Thirteen Days (2000) นำเสนอประเด็นการเมืองในช่วง 'วิกฤตขีปนาวุธคิวบา' ได้ดีมาก ๆ ทั้งเรื่องกองทัพกระหายสงคราม การวางกับดักผ่านกฏอัยการศึก การเขียน Speech การวิเคราะห์อารมณ์คนเขียนยกร่าง บทบาทภาวะการตัดสินใจของผู้นำ ตลอดจนการฑูตการเจรจา เป็นหนังที่แนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนที่ศึกษาด้านรัฐศาสตร์และการฑูต

ป.ล. 2 ถ้าชอบเรื่องอุปสรรคของทนายจำเลยในคดีสำคัญระดับประเทศ ขอแนะนำ The Conspirator (2010) เมื่อต้องรับว่าความให้ผู้ต้องสงสัยคดีให้ความช่วยเหลือการวางแผนสังหารประธานาธิบดี ทำให้ถูกสังคมต่อต้านเพียงเพราะเขาทำหน้าที่ของตัวเองตามกระบวนกฎหมาย หนังเด่นในเรื่องของจรรยาบรรณนักกฎหมายและการใช้อำนาจปกครอง แนะนำเป็นพิเศษสำหรับผู้ศึกษานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์

Director: Steven Spielberg screenplay: Matt Charman, Ethan Coen, Joel Coen

Genre: biography, drama, history 8/10

 
 
 

Comments


Recent Posts
Search By Tags
follow us:
  • Facebook Classic
  • Twitter Classic
  • images.jpg
  • c-youtube
bottom of page