รีวิว Man on Wire (2008) | สารคดีตามติดชีวิตนักไต่ลวดข้ามตึกเวิลด์เทรด
- myfavfilms
- 26 ต.ค. 2558
- ยาว 1 นาที

ถ้าไม่ได้ดู Man on Wire นี่คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าการเดินไต่ลวดข้ามตึกมันจะต้องวางแผนกันโหดขนาดนี้ กลายเป็นรู้สึกว่าการเดินเป็นเรื่องง่ายไปเลยเมื่อเทียบกับการเก็บรายละเอียดสถานที่ (ปลอมเป็นนักข่าวไปสัมภาษณ์คนงาน, ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูมุมสูง ทั้งหมดทำไปเพื่อออกแบบโมเดลเสมือนจริง), การค้นหามุมของทั้งสองตึกสำหรับขึงลวด และเมื่อถึงเวลาจริงก็ยังต้องอาศัยความชำนาญในภาคทฤษฎีเพื่อให้ลวดสลิงพร้อมสำหรับนักแสดง
สารคดีบอกเล่าถึงการเดินไต่ลวดข้ามตึกสูง 110 ชั้น (สูง 411 เมตร ระยะห่างของตัวตึก 200 เมตร) โดยเดินไปกลับอยู่บนนั้นนานถึง 45 นาทีของ 'ฟิลิปป์ เปอร์ตี' ที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีจากเพื่อน ๆ ของเขา โดยสารคดีเล่าเรื่องด้วยการผสมบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน, ภาพฟุตเทจจริง และการถ่ายทำขึ้นใหม่เพื่อให้คนดูเห็นภาพ

ขอชื่นชมการผสมกลวิธีการเล่าเรื่องทั้งบทสัมภาษณ์ที่สามารถดึงอารมณ์พาผู้ถูกสัมภาษณ์ย้อนวันวานได้อย่างดี ขนาดผ่านไป 30 ปีแต่ทุกคนยังเล่าได้เหมือนเพิ่งลงมือก่อเหตุได้ไม่นาน เมื่อผสมการตัดต่อจังหวะเหตุการณ์ส่วนของแต่ละคนได้ลงล็อคมันจึงเดินเรื่องอย่างไหลลื่น, เสียดายภาพฟุตเทจเหตุการณ์จริงที่ไม่ได้มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวทั้ง ๆ ที่เอากล้องถ่ายหนังขึ้นไปด้วยแล้วแท้ ๆ แต่ภาพนิ่งจากมุมต่าง ๆ ทั้งจากบนพื้นดินและจากบนยอดตึกมันก็ทรงพลังเพียงพอที่จะตรึงสายตาผู้ชมให้รู้สึกทึ่งและภาพใบหน้าของเขายังทำให้เรารู้สึกยินดีแทนความสำเร็จของเจ้าตัวที่เอาชนะความท้าทายดังกล่าวได้, แต่ขณะเดียวกัน การถ่ายทำบางส่วนขึ้นใหม่ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไรนัก เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้เพื่อเสริมบทสัมภาษณ์ให้คนดูเห็นภาพช่วงวางแผน เราจึงรู้สึกเสียดายที่ไม่มีการจำลองภาพขั้นตอนการขึงลวดในวันจริง เพราะนี่เป็นส่วนที่ผมอยากเห็นไม่แพ้การเดินไต่ลวดข้ามตึกเลยทีเดียว

อีกประเด็นหนึ่งที่เราก้ำกึ่งสำนึกผิดชอบอยู่เหมือนกันคือการเดินไต่ลวดครั้งนี้เป็น 'อาชญากรรม' อย่างไม่ต้องสงสัย ข้อหาแรกที่หนีไม่พ้นคือการบุกรุกสถานที่ แต่การเดินไต่ลวดครั้งนี้มันได้สร้างผลดีให้แก่ทุกฝ่ายจึงทำให้อาชญากรรมกลายเป็นเรื่องน่ายินดี เจ้าตัวกลายเป็นคนดัง, เจ้าของตึกที่กำลังมีปัญหาเรื่องปล่อยเช่าพื้นที่ก็ดีใจได้ประชาสัมพันธ์ฟรี, อัยการก็ดำเนินการยกเลิกข้อกล่าวหาตามกระแสมหาชน มันกลายเป็น win-win-win กันทุกฝ่าย แต่พอมองย้อนดูการบุกรุกสถานที่เช่นตึกร้างสาทร ยูนิค เรากลับไม่ยินดีที่คนนอกจะบุกรุกขึ้นไปถ่ายรูปหรือโชว์ผาดโผนติดกล้อง Go-pro พอมองมุมนี้จึงทำให้ไม้บรรทัดที่ใช้วัดความผิดของเราไม่เที่ยงตรงเท่าไรเพราะเราดันไปประเมินค่าที่ผลลัพธ์แทน
Director: James Marsh (ผกก. The Theory of Everything) book: Philippe Petit
Genre: documentary, biography, history 8/10

Comments